A mother pig in a cage so small she cannot turn around

เชื้อแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะ หรือ superbugs จากสัตว์ฟาร์มเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิตเป็นจำนวนมากกว่าโรคมะเร็ง และฟาร์มอุตสาหกรรมเป็นตัวการหลักที่ต้องรับผิดชอบ

ข่าว

รายงานล่าสุดขององค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกเปิดเผยเป็นที่แรก ถึงการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยของประชาชน รวมถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะที่มาจากฟาร์มอุตสาหกรรม

วิกฤตด้านสุขภาพจากแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะ

แบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะเป็นภัยคุกคามที่เราแทบไม่ได้รับรู้ในยุคนี้และนับเป็นสาเหตุหลักที่คร่าชีวิตผู้คน ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกคาดว่าแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิตภายในปี พ.ศ. 2593 แต่เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะมาก่อน ก็ย่อมจะไม่รับรู้ถึงความจริงที่ว่า การทำฟาร์มอุตสาหกรรมเพื่อมุ่งสร้างผลกำไรจากการผลิตเนื้อสัตว์จำนวนมหาศาลอย่างโหดร้ายทารุณนั้น เป็นตัวเร่งให้เกิดวิกฤตเชื้อแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะ

และด้วยเหตุนี้ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกจึงได้ทำการวิจัยขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อเปิดเผยจำนวนผู้เสียชีวิตและเจ็บป่วยจากแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะที่เกิดขึ้นจากฟาร์มอุตสาหกรรม รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจโลก

ผลการวิจัยเป็นที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก โดยพบว่า ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตเกือบหนึ่งล้านคนเนื่องจากแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะที่เกิดขึ้นเฉพาะจากการใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไปในฟาร์มอุตสาหกรรม ในจำนวนนี้ผู้ที่เสียชีวิตจากแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะส่วนใหญ่เกิดจากอาหารและการใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไปในยารักษาโรคของมนุษย์

แบคทีเรียสี่ชนิดที่พบได้ทั่วไปในสัตว์ฟาร์มได้แก่ สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus)  เอสเชอริเชีย โคไล (Escherichia coli) แคมไพโลแบคเตอร์  (Campylobacter) และ ซัลโมเนลลาสายพันธุ์อื่นๆที่ไม่ใช่ไทฟอยด์ (non-typhoidal Salmonella) ทำให้มีผู้เสียชีวิตคิดเป็นหนึ่งในสี่ของผู้เสียชีวิตเนื่องจากแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะทั้งหมดทั่วโลก

วิกฤตด้านสุขภาพจากแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะ

ฟาร์มอุตสาหกรรม เป็นตัวการเร่งให้เกิดแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะได้อย่างไร

การทำฟาร์มสัตว์แบบอุตสาหกรรมเป็นการทารุณสัตว์อย่างโหดร้าย ในแต่ละปีจะมีสัตว์บก 80,000 ล้านตัวทั่วโลกถูกนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์ฟาร์มซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในระบบอุตสาหกรรม ไก่ที่เลี้ยงไว้เป็นอาหารถูกจับมาอยู่รวมกันในโรงเลี้ยงไก่ขนาดใหญ่ โดยที่ไม่สามารถแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติที่รวมถึงการเกาะคอนได้ แม่สุกรถูกขังอยู่ในกรงตลอดชีวิต โดยที่ลูกสุกรจะถูกตัดหาง ตัดฟัน และถูกทำหมันในลูกสุกรเพศผู้ภายในเวลาไม่กี่อาทิตย์หลังคลอด

สัตว์ฟาร์มจะได้รับยาปฏิชีวนะที่ผสมอยู่ในอาหารและน้ำเป็นประจำทุกวันเพื่อป้องกันอาการเจ็บป่วยภายใต้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเครียดและคับแคบ ตลอดจนเพื่อให้มั่นใจว่าสัตว์เหล่านั้นจะเจริญเติบโตโดยเร็วที่สุดเพื่อผลกำไรสูงสุด การใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไปเป็นต้นเหตุของการเกิดและการแพร่กระจายของแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะ โดยแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะจะแพร่ไปสู่คนงาน โรงเชือด ตลอดจนปนเปื้อนอยู่ในห่วงโซ่อาหารและสิ่งแวดล้อม และเมื่อผ่านเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ก็จะทำให้เราไม่สามารถใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาอาการติดเชื้อทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหมายความว่าการรักษาและการปฏิบัติทางการแพทย์ทั่วๆไปเช่นการผ่าคลอดมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น

แม้จะเป็นที่รู้กันดีว่า สามในสี่ของยาปฏิชีวนะทั่วโลกถูกนำไปใช้กับสัตว์ฟาร์ม แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการเปิดเผยถึง จำนวนของผู้เสียชีวิตและเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะจากฟาร์มอุตสาหกรรม

วิกฤตด้านสุขภาพจากแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะ

ความรุนแรงของวิกฤตด้านสุขภาพที่เกิดจากฟาร์มอุตสาหกรรม

การศึกษาขององค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกนี้นับเป็นครั้งแรกของโลกที่วิเคราะห์เชิงลึกว่าฟาร์มอุตสาหกรรมมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะมากน้อยเพียงใด และพบว่า:

  • ร้อยละ 84  ของยาปฏิชีวนะในฟาร์มอุตสาหกรรมถูกใช้เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ที่มีความเครียดต้องเจ็บป่วยหรือใช้เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของสัตว์ แต่ไม่ใช่เพื่อการรักษาสัตว์ที่มีอาการเจ็บป่วย
  • แบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะในอาหารเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิตมากกว่าสาเหตุจากโรคมะเร็ง เอชไอวี/เอดส์ หรือไข้มาลาเรีย โดยทำให้ประชาชน 1.6 ล้านคนเสียชีวิตและ 56 ล้านคนต้องเจ็บป่วยในแต่ละปี
  • ฟาร์มอุตสาหกรรมทำให้ประชาชนเสียชีวิตจากสาเหตุข้างต้น อย่างน้อยหนึ่งล้านคน และเศรษฐกิจทั่วโลกสูญเสียมากถึง 382 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

นอกจากนั้น ปัญหาดังกล่าวยังเลวร้ายลงไปอีก เนื่องจากความต้องการเนื้อสัตว์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับจำนวนฟาร์มอุตสาหกรรมที่มากขึ้นตามไปด้วยทั่วโลก

  • ความต้องการเนื้อสัตว์คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นมากทั่วโลก โดยคิดเป็นร้อยละ 30 ในแอฟริกา ร้อยละ 18 ในเอเชียแปซิฟิก ร้อยละ 12 ในละตินอเมริกา และร้อยละ 9 ในอเมริกาเหนือ ภายในทศวรรษหน้า
  • หากมีการใช้ยาปฏิชีวนะในฟาร์มอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1,000 ตัน คาดว่าจะมีโอกาสที่ประชาชนจะติดเชื้อจากแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะเพิ่มขึ้นร้อยละ 21
  • หากเรายังเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ ผลเสียที่เกิดขึ้นต่อสุขภาพจากแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะที่มาจากฟาร์มอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปีพ.ศ. 2593
วิกฤตด้านสุขภาพจากแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะ

รัฐบาลทั่วโลกต้องยุติความโหดร้ายทารุณที่เกิดขึ้นในฟาร์มอุตสาหกรรมเพื่อรักษาชีวิตของประชาชน

รายงานของเราพบว่า มีแนวทางที่ดีที่ช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ ซึ่งจะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยทั่วโลกลงร้อยละ 67 ภายในปีพ.ศ. 2593 และหากมีการใช้ยาปฏิชีวนะทั่วโลกลดลงในลักษณะเดียวกันกับที่เกิดขึ้นในสวีเดนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจทั่วโลกได้ถึง 18 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปีพ.ศ. 2593

รัฐบาลจะต้องสั่งห้ามให้มีวิธีการเลี้ยงที่ทารุณต่อสัตว์ในฟาร์ม เพื่อขจัดสาเหตุที่แท้จริงของวิกฤตแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะในอาหารของเรา เรามีหลักฐานที่เชื่อถือได้อย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าสัตว์ที่ถูกเลี้ยงภายใต้สวัสดิภาพที่ดี จะไม่มีความจำเป็นที่ต้องได้รับยาปฏิชีวนะเป็นประจำ เนื่องจากสัตว์เหล่านี้ไม่ได้ถูกเลี้ยงอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่คับแคบและเต็มไปด้วยความเครียดที่จะทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย

เมื่อพิจารณาถึงภัยคุกคามอย่างรุนแรงต่อสุขภาพและความปลอดภัยด้านอาหารของเราที่มีต้นเหตุมาจากฟาร์มอุตสาหกรรมแล้ว รัฐบาลจะต้องเร่งการขยายตัวของฟาร์มอุตสาหกรรมเพื่อยับยั้งไม่ให้ระบบที่โหดร้ายเช่นนี้เติบโตขึ้นทั่วโลก

นอกจากนั้น รัฐบาลควรจะต้องหันไปให้การสนับสนุนระบบอาหารที่มีมนุษยธรรมและมีความยั่งยืน เช่นโปรตีนทางเลือกอื่นๆ หรือเนื้อสัตว์ที่ทำจากพืช เป็นต้น ซึ่งจะทำให้สัตว์ฟาร์มที่อยู่ในระบบที่ได้รับสวัสดิภาพที่ดีที่สุด ซึ่งไม่ใช่ในนะบบอุตสาหกรรม รวมถึงการลดการบริโภคเนื้อสัตว์ต้องเกิดขึ้นในประเทศที่ประชาชนมีการบริโภคเนื้อสัตว์จำนวนมหาศาล

วิกฤตด้านสุขภาพจากแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะ

สิ่งเหล่านี้ล้วนคุ้มค่าและมีความหมายต่อสุขภาพของเราและต่อสัตว์อีกเป็นจำนวนมาก

 อ่าน Fact Sheet เพิ่มเติมที่นี่