Elefanterne Mae Kam og Mae Dok i Burm and Emily's Elephant Sanctuary

Burm & Emily’s Elephant Sanctuary (BEES) หนึ่งในปางช้างที่เป็นมิตรต่อช้าง

บล็อก

By

เน้นให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของช้างตามกรอบการเป็นมิตรต่อช้างขององค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ปางช้างบีตั้งอยู่ที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีผู้ก่อตั้งคือคุณเบิ้มและคุณเอมิลี่ ซึ่งชื่อของทั้งสองคนก็เป็นที่มาของชื่อปางช้างนั่นเอง นับเป็นเวลากว่า 10 ปี เข้าสู่ปีที่ 11 แล้ว ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบีเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ปี 2011

elephant

ปางช้างบีตั้งอยู่ในพื้นที่ราบสลับกับพื้นที่ป่าเขา มีบริเวณกว่า 7 ไร่ แนวคิดของปางช้างบีคือการเป็นบ้านหลังสุดท้ายและที่พักพิงที่ปลอดภัยให้กับช้างชราที่ทำงานหนักมาทั้งชีวิต ให้ช้างได้มีโอกาสใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขและปลอดภัย ได้รับการดูแลจากมนุษย์อย่างที่ควรจะเป็น ได้มีโอกาสเป็นช้างตามธรรมชาติ ทั้งการแสดงพฤติกรรมและการใช้ชีวิตในสภาพใกล้เคียงกับธรรมชาติที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

ปัจจุบันมีช้างอยู่ในความดูแล ทั้งหมด 3 ตัว

แม่คำ ช้างวัย 60 กว่าปี เป็นช้างตัวแรกของปาง และมาอยู่ที่ปางตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2012 แม่คำมาจากอำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งก่อนหน้าที่จะย้ายมาอยู่ที่ปางช้างบี แม่คำทำงานทั้งลากไม้และทำงานในปางช้างแบบขี่ มีการใส่แหย่งช้างเพื่อให้นักท่องเที่ยวนั่งมาก่อน แม่คำเคยมีลูกแต่สูญเสียลูกไปทั้งสองครั้ง ครั้งแรกลูกเกิดออกมาแล้วตาย ครั้งที่สองลูกของแม่คำถูกงูเห่าฉกตาย แม่คำเคยโยนนักท่องเที่ยวและควาญให้ตกจากหลังในขณะที่ขี่แม่คำมาก่อน ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากความเครียดจากการทำงานและการสูญเสียลูกไป

แม่ดอก ในวัย 60 กว่าปีเช่นเดียวกับแม่คำ มาจากหมู่บ้านห้วยเสือเฒ่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน แม่ดอกทำงานลากไม้และทำงานในปางขี่มาก่อนเช่นกัน ก่อนหน้าที่จะมาอยู่ที่ปาง แม่ดอกทำงานอยู่ที่หมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาวและเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว ทั้งการถ่ายรูปและขอนักท่องเที่ยวป้อนอาหารนั่นก็คือกล้วยและอ้อยครั้งละ 20 บาท ทุกเย็นหลังเลิกงานที่นักท่องเที่ยวหมดแล้วและจบชั่วโมงการทำงานแล้วแม่ดอกจะเดินกลับบ้าน แต่แม่ดอกนั้นเป็นที่รักของคนในหมู่บ้านและชาวบ้าน มักได้รับอาหารจากคนในหมู่บ้านระหว่างทางเดินกลับบ้านเสมอ แม่ดอกได้รับโอกาสจากเจ้าของเดิมให้จบชีวิตการทำงานและได้มาใช้ชีวิตบั้นปลายที่ปางช้างบีเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2019

แม่คำและแม่ดอกเข้ากันได้ดี ทั้งคู่มีขนาดที่ไล่เลี่ยกัน แต่เราสามารถที่จะระบุช้างทั้งสองตัวได้ตามรายละเอียดดังนี้คือ แม่คำมีหัวกว้างและใหญ่กว่าอีกทั้งปลายหูจะเป็นริ้วๆและปลายหูทั้งคู่จะเป็นสีชมพู หางของแม่คำจะยาวถึงพื้นและมีขนหางสีดำ ขณะที่แม่ดอกจะตัวเล็กกว่า หูจะเล็กและสมบูรณ์ หางสั้นและขนที่ปลายหางเป็นสีขาว ทั้งคู่มักส่งเสียงร้องและสื่อสารกันอยู่ตลอดเวลาและใช้เวลาด้วยกันเสมอในช่วงกลางวัน จะแยกกันเฉพาะเวลากลางคืน ทั้งนี้ ช้างทั้ง 3 ตัว มีโรงช้างและโรงนอนของแต่ละตัว

elephant

ในทุกวันกิจกรรมของแม่คำและแม่ดอกคือหลังจากที่ควาญช้างมาปล่อยออกจากโรงในตอนเช้าเวลา 8:30  ทั้งสองจะพากันเดินเข้าไปในป่า โดยมีควาญเดินตามประกบดูแลช้างทั้งสองตัว ช้างทั้งสองจะใช้เวลาในช่วงกลางวันหาอาหารตามธรรมชาติในป่า ไม่ว่าจะเป็นเถาวัลย์ป่า ใบไม้ ต้นไม้ รากไม้หรือหน่อไม้ เรียกได้ว่าทั้งแม่คำและแม่ดอกมีอาหารตามธรรมชาติให้เลือกมากมายในป่าตามฤดูกาล เส้นทางที่แม่ดำและแม่ดอกใช้หลักๆมีอยู่ 4 เส้นทาง ทั้งที่เป็นการเดินไปตามลำห้วย หรือเดินขึ้นดอยเพื่อไปหาอาหารการกินที่สมบูรณ์แตกต่างกันไป ปลายทางของแม่คำและแม่ดอกคือที่ดินผืนที่สองของปางช้างบีที่อยู่ติดลำน้ำแม่แจ่ม พื้นที่ขนาด 11 ไร่ถูกใช้เป็นที่ปลูกอาหารช้างทั้งหญ้าเนเปียร์ กล้วย อ้อย เพื่อให้มีแหล่งอาหารของตนเอง ลดการพึ่งพาจากภายนอกและไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ ตลอดทางของการเดินแม่ดำและแม่ดอกจะเพลิดเพลินกับการหาอาหารตามธรรมชาติจนถึงที่ผืนนี้ ที่มีหญ้าเนเปียร์สูงท่วมทั้งหัวคนและหัวช้าง เมื่อเดินไปถึงแปลงหญ้า ช้างทั้งสองจะหายลับไปจากสายตาของเรา ควาญช้างที่เดินตามทั้งคู่จะมีโอกาสนั่งพักผ่อน และคอยดูความเคลื่อนไหวของช้างทั้งสองจากกระท่อมที่พัก จนเมื่อทั้งสองกินจนพอใจ ก่อนจะเดินกลับ แม่คำและแม่ดอกมักจะลงเล่นน้ำในลำน้ำแม่แจ่ม โดยผุดดำผุดว่ายเพื่อคลายร้อน ในลำน้ำแห่งนี้มีจุดดินโป่งที่ทั้งสองมักจะไปเอางวงขุดคุ้ยกินอยุ่เสมอ ครั้นเมื่อเพียงพอแล้วก็จะขึ้นจากน้ำและเดินกลับ ระหว่างทางกลับทั้งสองก็จะหากินอาหารพืชพรรณตามธรรมชาติข้างทาง ชีวิตความเป็นอยู่และพฤติกรรมการกินรวมถึงสารอาหารที่ได้รับเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับช้างตามธรรมชาติอย่างที่สุด เมื่อกลับถึงปางหลักประมาณ 4 โมงเย็น ทั้งคู่จะเดินเข้าโรงช้างของตนเอง ก่อนที่ควาญจะปิดประตูลงกลอนและเอาหญ้าหรืออาหารอื่นให้เพื่อเป็นอาหารเย็นก่อนที่ควาญจะกลับบ้านไปพักผ่อน ที่เล่ามานี้คือกิจวัตรประจำวันของช้างทั้งสองภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของควาญช้าง

ช้างอีกตัวที่ปางช้างบีคือ แม่ทองดี หรือที่เรียกกันว่ายายทองดี มีอายุ 70 กว่าปี ทองดีได้เข้ามาอยู่ที่ปางช้างบีเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2014 ในเวลานั้นทองดีไม่ได้มาตัวคนเดียวแต่มาพร้อมกันกับช้างอีกตัวคือแม่ยืน แม่ยืนและแม่ทองดีเป็นเพื่อนกันและอยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน ทั้งคู่เป็นช้างชราและมีปัญหาเรื่องระบบขับถ่ายและปัญหาการบดเคี้ยวอาหารเนื่องจากฟันไม่ดีเสื่อมตามอายุขัย ทั้งคู่ทำงานลากไม้และทำงานในปางขี่มาก่อน พอย้ายมาอยู่ที่ปางช้างบีก็ได้รับการดูแลอย่างดี แต่สุดท้ายเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2015 แม่บุญยืนได้จากไปด้วยความชรา เหลือเพียงแม่ทองดีอยู่ตามลำพังจนทุกวันนี้

elephant

ด้วยความที่เป็นช้างชรา ทองดีเลือกที่จะใช้เวลาหาอาหารกินในป่าใกล้ๆและไม่ค่อยเข้าป่าไปไกลมากนัก ทองดีมีจุดประจำในป่าที่มักจะไปเดินหาอาหารกินและยืนกินอาหารอย่างช้าๆอยู่ในสายตาของควาญช้างของทองดี ส่วนใหญ่ทองดีมักจะเดินไปตามเส้นทางลำห้วย แต่บางครั้งทองดีก็จะเดินขึ้นดอยเพื่อไปหาอาหารกินที่ต่างออกไปจากปกติ นานๆครั้งในวันที่ทองดีมีเรี่ยวแรง ทองดีสามารถเดินไปจนถึงที่ที่ติดลำน้ำแม่แจ่มได้ แต่ด้วยความที่เป็นช้างชรา ส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่ในป่าใกล้ๆปางหลักมากกว่า ทองดีใช้เวลาในการกินอาหารพิเศษที่ปางเตรียมให้และไม่ค่อยชอบลงเล่นน้ำหรืออาบน้ำเท่าใดนัก สุขภาพของทองดีไม่ค่อยดีโดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวที่ผ่านมา ทางปางช้างบีได้ให้ความดูแลอย่างใกล้ชิดจนทองดีสามารถผ่านพ้นความวิกฤติทางสุขภาพมาได้อีกครั้ง กิจกรรมของทองดีจึงค่อนข้างไม่โลดโผนเมื่อเทียบกับกิจวัตรประจำวันของแม่คำและแม่ดอก

ทั้งหมดนี้แสดงเห็นว่ากิจกรรมของปางช้างบีเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นและรับประสบการณ์ที่ ช้างได้มีโอกาสเป็นช้าง ตามธรรมชาติ ได้แสดงออกทางพฤติกรรมตามธรรมชาติ อยู่อย่างปลอดภัย ปราศจากการถูกใช้งานเพื่อการแสวงหาผลประโยชน์อย่างโหดร้ายทารุณ

กิจกรรมของปางช้างบีไม่มีการใช้ช้างเพื่อความบันเทิงและไม่มีการสัมผัสโดยตรงระหว่างช้างและนักท่องเที่ยว แต่มุ่งเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการดูแลช้างที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างมีจริยธรรม และเน้นประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวจะมีโอกาสได้เห็น สัมผัส และเรียนรู้สภาพชีวิตของช้างตามธรรมชาติ

elephant

นอกเหนือจากนี้ การมาท่องเที่ยวที่ปางช้างบี นักท่องที่ยวจะได้รับประสบการณ์ที่เรียกได้ว่าอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร ได้สูดอากาศบริสุทธิ์และได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง ระหว่างการเดินป่าตามช้าง ไกด์ที่มากไปด้วยประสบการณ์ของปางช้างบีจะทำหน้าที่คอยอธิบายให้ความรู้เรื่องการดูแลช้าง ตลอดจนพฤติกรรมตามธรรมชาติต่างๆของช้าง ทักษะการหาอาหารตามฤดูกาลต่างของช้าง การส่งเสียงร้องเพื่อสื่อสารกันระหว่างช้างซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์การเรียนรู้แบบนอกห้องเรียนที่หาได้ยาก  และไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการไปขี่ช้างหรือดูโชว์ช้าง การมาท่องเที่ยวที่ปางช้างบีจึงถือได้ว่าเป็นลักษณะการท่องเที่ยวเป็นการดูช้างอย่างมีจริยธรรม มีจิตสำนึกรับผิดชอบและเสริมสร้างประสบการการณ์เรียนรู้อย่างแท้จริง

ตั้งแต่เกิดวิกฤตโรคระบาดโควิดที่ส่งผลให้การท่องเที่ยวซบเซา ทางปางช้างขาดรายได้ในการดำเนินงาน องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือทางด้านการเงินแก่ปางช้างพันธมิตรในประเทศไทยทั้งหมดเป็นจำนวน 8 ปาง รวมถึงปางช้างบี ตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2020 ให้สามารถประคองตัวอยู่ได้และสามารถดูแลช้างให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีมาจนถึงปัจจุบัน

เรามีความภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยสนับสนุนปางช้างในประเทศไทยที่มีแนวทางการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อช้างอย่างแท้จริงและเน้นสวัสดิภาพของช้างเป็นหลัก และมีส่วนช่วยยกระดับสวัสดิภาพช้างที่อยู่ในปางช้างเหล่านี้ให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

เราอยากเชิญชวนคนรักช้างให้มาท่องเที่ยวและสนับสนุนปางช้างอย่างบี และปางช้างอื่นๆที่มีแนวทางปฏิบัติในแบบเดียวกัน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อช้างและเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและผลักดันให้ช้างที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้มีโอกาสและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อๆไป

More about