ฉลองชัยชนะของผู้บริโภคในเดือนแห่งการพัฒนาสวัสดิภาพแม่หมูในฟาร์ม

โดยการประกาศของ 2 ห้างค้าปลีกใหญ่ของไทยนี้ เป็นผลจากการเรียกร้องของผู้บริโภคภายใต้โครงการเลี้ยงหมูด้วยใจขององค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ที่ต้องการเห็นการพัฒนาสวัสดิภาพหมูในฟาร์มอุตสาหกรรมและเพื่อเนื้อสัตว์ที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

แม่หมูสามในสี่ทั่วโลกใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่ในกรงขังแคบๆซึ่งมีขนาดไม่ต่างจากตู้เย็นขนาดมาตรฐาน พวกมันขยับหรือแม้แต่จะกลับตัวยังไม่ได้ ทำหน้าที่เป็นเพียงเครื่องจักรในการขยายพันธุ์ วิธีการเลี้ยงเช่นนี้ได้สร้างความทรมานให้กับแม่หมูเป็นอย่างมาก

แต่แม่หมูในประเทศไทยบางส่วนกำลังจะมีชีวิตที่ดีขึ้น พวกมันจะมีพื้นที่ได้เคลื่อนไหว เข้าสังคมกับหมูตัวอื่นๆและได้แสดงออกพฤติกรรมตามธรรมชาติ ผ่านวิธีการเลี้ยงแบบรวมกลุ่ม

การพัฒนาสวัสดิภาพหมูในฟาร์มอุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่จะทำให้หมูมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ยังทำให้ความจำเป็นในการใช้ยาปฏิชีวนะลดลงด้วย เพราะเมื่อหมูมีสุขภาพที่ดี อัตราเสี่ยงต่อความเจ็บป่วยก็น้อยลง

ทำให้ฟาร์มอุตสาหกรรมไม่มีความจำเป็นในการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างมหาศาลเหมือนในปัจจุบันเพื่อป้องกันอาการเจ็บป่วยของหมู ส่งผลให้ผู้บริโภคเองได้รับประทานเนื้อสัตว์ที่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น  

(อ่านรายงานการตรวจสอบการปนเปื้อนแบคทีเรียดื้อยาในเนื้อสัตว์)

องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ทำงานอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องกับผู้บริโภคเพื่อร่วมกับเราในการเรียกร้องหน่วยงานต่างๆให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการเลี้ยงแม่หมูในฟาร์มอุตสาหกรรม

และด้วยพลังของผู้บริโภคทำให้ในเดือนสิงหาคมปีพ.ศ. 2561 ท็อปส์ มาร์เก็ต ได้ประกาศที่จะยุติการจำหน่ายเนื้อหมูที่มาจากการขังแม่หมูภายในปี พ.ศ. 2570

และช่วงเวลาเดียวกันในปีพ.ศ.2562 ที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัส ก็ได้ประกาศว่าเนื้อหมูแบบบรรจุแพ็คทั้งหมดที่วางจำหน่ายจะมาจากแม่หมูที่เลี้ยงแบบรวมกลุ่ม แทนการเลี้ยงแบบยืนซองภายในปีพ.ศ. 2570 เช่นเดียวกัน

นายโชคดี สมิทธิ์กิตติผล ผู้จัดการแคมเปญสัตว์ฟาร์ม องค์การพิทักษ์สัตว์แห่งโลก กล่าวว่า "เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ห้างค้าปลีกทั้งสองแห่งได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการให้คำมั่นสัญญาต่อผู้บริโภคเพื่อพัฒนาชีวิตหมูในฟาร์ม" 

"ตลอดจนเพื่ออาหารที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นต่อผู้บริโภคเอง นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่เราอยากให้ห้างค้าปลีกอื่นปฏิบัติตาม โดยเราจะทำการรณรงค์เรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง"

เดือนสิงหาคมนอกจากจะเป็นเดือนที่เรายินดีกับจุดเริ่มต้นในการพัฒนาสวัสดิภาพแม่หมู ก็ยังคงเป็นช่วงเวลาที่ผู้บริโภคต้องการทราบความคืบหน้าในการดำเนินงานจากห้างค้าปลีกทั้งสองแห่งตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้

นายโชคดี กล่าวย้ำว่า “เราอยากให้ห้างค้าปลีกทั้งสองแห่งเปิดเผยข้อมูลความคืบหน้าในการดำเนินงานต่อสาธารณะ เพื่อแสดงความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค  โดยเรายินดีที่จะให้การสนับสนุนในเชิงเทคนิค เพื่อให้มั่นใจว่าห้างค้าปลีกทั้งสองแห่งจะสามารถบรรลุคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อผู้บริโภคได้”

องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกขอชวนให้ท่านตั้งคำถามไปยังห้างค้าปลีกทั้งสองแห่งถึงความคืบหน้าในการดำเนินงาน โดยโพสต์คำพูดของท่านเอง พร้อม #แม่หมูออกจากคอกรึยัง ทางโซเชียลมีเดียของท่านเองหรือเพจของห้างค้าปลีกทั้งสองแห่ง หรือร่วมลงชื่อกับเราเพื่อที่จะให้เราไปทวงถามแทนให้ ร่วมลงชื่อได้ทางด้านล่าง

เราอยากให้ห้างค้าปลีกทั้งสองแห่งเปิดเผยข้อมูลความคืบหน้าในการดำเนินงานต่อสาธารณะ เพื่อแสดงความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค  โดยเรายินดีที่จะให้การสนับสนุนในเชิงเทคนิค เพื่อให้มั่นใจว่าห้างค้าปลีกทั้งสองแห่งจะสามารถบรรลุคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อผู้บริโภคได้