A dairy cow at a UK park farm. Credit: World Animal Protection

“Spiridon II” โศกนาฏกรรมที่หลีกเลี่ยงได้: วิกฤตการส่งออกสัตว์มีชีวิต “Spiridon II”

ข่าว

องค์การพิทักษ์สัตว์โลกเรียกร้องให้ยุติการค้าส่งออกสัตว์ที่ยังมีชีวิตโดยทันที

ภายหลังเกิดสถานการณ์วิกฤตร้ายแรงบนเรือ Spiridon II ซึ่งมีวัวเกือบ 3,000 ตัว โดยประมาณครึ่งหนึ่งเป็นวัวตั้งท้อง ติดค้างอยู่กลางทะเลเป็นเวลานานกว่าสองเดือน

เรือลำดังกล่าวออกเดินทางจากประเทศอุรุกวัยไปยังประเทศตุรกี โดยบรรทุกวัวจำนวน 2,900 ตัว แต่หลังจากถูกสกัดไม่ให้ขนถ่ายสัตว์ลงฝั่งเนื่องจากปัญหาด้านการบริหาร เรือจึงถูกบังคับให้เดินทางกลับเป็นเวลา 30 วัน ส่งผลให้ความทุกข์ทรมานของสัตว์ที่อยู่บนเรือยืดเยื้อต่อไป

เครดิตภาพ: Animal Welfare Foundation

จากรายงานของสื่อ ซึ่งเป็นเรื่องยากในการตรวจสอบยืนยันอย่างครบถ้วน ระบุว่า:

  • มีวัวเสียชีวิตแล้ว 58 ตัว
  • วัวตั้งท้อง 140 ตัว ให้กำเนิดลูกหรือแท้งลูก
  • มีรายงานว่ามีลูกวัวประมาณ 50 ตัว อยู่บนเรือ ขณะที่ชะตากรรมของลูกวัวที่เหลืออีก 90 ตัว ยังไม่ทราบแน่ชัด
  • มีรายงานว่าซากสัตว์ที่กำลังเน่าเปื่อยยังคงอยู่บนเรือ ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงร้ายแรงด้านสุขอนามัยและโรคระบาด

เหตุการณ์นี้ถือเป็นหนึ่งในกรณีการส่งออกสัตว์มีชีวิตที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เหตุเรือ MV Bahijah ในปี 2024 และเรือ MV Gulf Livestock 1 ในปี 2020 เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการค้าสัตว์มีชีวิตเป็นกิจกรรมที่โหดร้ายโดยเนื้อแท้ต่อสัตว์ และเป็นอันตรายต่อมนุษย์

ในระหว่างการเดินทางส่งออกระยะยาวเช่นนี้ มีรายงานว่าสัตว์จำนวนมากต้องเผชิญกับ ความอ่อนล้า ความเครียดจากความร้อน การอดอาหาร ภาวะขาดน้ำ และการติดเชื้อ ภายใต้สภาพที่ละเมิดหลักสวัสดิภาพสัตว์ขั้นพื้นฐานที่สุด

โศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนานาชาติ และตอกย้ำถึงความโหดร้ายและความล้มเหลวเชิงระบบที่เอื้อให้เกิดภัยพิบัติเช่นกรณี Spiridon II

การค้าที่โหดร้ายซึ่งไม่สามารถทำให้ปลอดภัยได้

หลักฐานทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่าสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึก สามารถรับรู้ถึงความกลัว ความเจ็บปวด ความเครียด และความไม่สบาย การถูกบังคับให้กักขังอยู่บนเรือที่ไม่มั่นคง ซึ่งมักไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อสวัสดิภาพสัตว์ ทำให้สัตว์ไม่มีโอกาสแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ และต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานอย่างรุนแรง

การส่งออกสัตว์มีชีวิตทำให้สัตว์ต้องเผชิญกับ:

  • ความทุกข์ทรมานที่ยืดเยื้อ
  • ความแออัดยัดเยียด
  • อุณหภูมิที่รุนแรง
  • การบาดเจ็บ โรค และการเสียชีวิต
  • การขาดแคลนอาหาร น้ำ และการระบายอากาศ

เรือที่บรรทุกสัตว์มีชีวิตมีโอกาสเกิดความเสียหายโดยสิ้นเชิง สูงกว่าเรือบรรทุกสินค้าทั่วไปถึงสองเท่า ทำให้การขนส่งสัตว์มีชีวิตทางทะเลมีความเสี่ยงเป็นพิเศษ

วิกฤตบนเรือ Spiridon II ไม่ใช่เหตุการณ์ผิดปกติ หากแต่เป็นผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้ของระบบที่ปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตเสมือนเป็นสินค้า

ปัญหาเชิงระบบที่ต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ

การส่งออกสัตว์มีชีวิตไม่อาจแยกออกจากระบบฟาร์มอุตสาหกรรมได้ ซึ่งเป็นระบบที่ผลิตสัตว์จำนวนมหาศาลภายใต้สภาพที่ไม่เป็นไปตามหลักมนุษยธรรม และขนส่งพวกมันข้ามโลกเพื่อนำไปฆ่า ขุน หรือจำหน่ายในตลาดที่มีการคุ้มครองสัตว์ที่อ่อนแอกว่า

การค้าดังกล่าวยังเอื้อให้เกิดการแพร่กระจายของโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน และปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพในระดับโลก ซึ่งส่งผลให้ทั้งสัตว์และมนุษย์ตกอยู่ในความเสี่ยง

องค์การพิทักษ์สัตว์โลกสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่แนวทางต่อไปนี้:

  • โปรตีนจากพืช
  • การค้าเนื้อสัตว์และซากสัตว์ แทนการค้าสัตว์มีชีวิต
  • การขนส่งน้ำเชื้อหรือตัวอ่อน แทนการขนส่งสัตว์มีชีวิตเพื่อการผสมพันธุ์

แนวทางเหล่านี้มีอยู่แล้ว สิ่งที่จำเป็นในขณะนี้คือความมุ่งมั่นในการนำไปปฏิบัติ

“สิ่งที่เกิดขึ้นบนเรือ Spiridon II ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นผลจากระบบการผลิตสัตว์แบบเข้มข้นที่เพิกเฉยต่อความจริงพื้นฐานที่ว่าสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึก วัวเหล่านี้รู้สึกกลัว เจ็บปวด และเครียด ไม่มีสัตว์ตัวใดควรถูกกักขังอยู่บนเรือเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ท่ามกลางความแออัด ความหิวโหย และสภาพที่ปฏิเสธแม้กระทั่งความต้องการพื้นฐานที่สุดของพวกมัน”

“โศกนาฏกรรมครั้งนี้จะต้องเป็นจุดเปลี่ยน เรารู้อยู่แล้วว่าแนวทางแก้ไขคืออะไร นั่นคือการทยอยยุติการส่งออกสัตว์มีชีวิต และเร่งเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบอาหารที่ยั่งยืนและมีมนุษยธรรม ซึ่งเคารพสัตว์ ประเทศอย่างออสเตรเลียและสหราชอาณาจักรได้แสดงให้เห็นแล้วว่าภาวะผู้นำสามารถยุติความโหดร้ายนี้ได้ ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลประเทศอื่น ๆ จะต้องเดินตามแนวทางเดียวกัน”  ริคาร์โด โมรา นักยุทธศาสตร์ด้านการรณรงค์ องค์การพิทักษ์สัตว์โลก (World Animal Protection) 

ประเทศต่าง ๆ กำลังตัดสินใจเลือกสิ่งที่ถูกต้องเพื่อสัตว์

ทั่วโลก รัฐบาลต่าง ๆ กำลังตระหนักว่าการส่งออกสัตว์มีชีวิตไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์สมัยใหม่ และได้เริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ออสเตรเลีย: ยุติการส่งออกแกะมีชีวิต

ออสเตรเลีย ซึ่งในอดีตเคยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกสัตว์มีชีวิตรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ออกกฎหมายยุติการส่งออกแกะมีชีวิตทางทะเล โดยยอมรับถึงความทุกข์ทรมานอย่างรุนแรงที่เกิดจากการขนส่งระยะไกลภายใต้อุณหภูมิที่ร้อนจัดและเรือที่แออัด การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังการกดดันจากสาธารณชนเป็นเวลาหลายปี และหลักฐานที่ชี้ให้เห็นถึงความโหดร้ายเชิงระบบ

สหราชอาณาจักร: สั่งห้ามการส่งออกสัตว์มีชีวิตทั้งหมดในปี 2024

ในปี 2024 สหราชอาณาจักรกลายเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ออกกฎหมายห้ามการส่งออกสัตว์มีชีวิตทั้งหมดเพื่อการฆ่าและการขุน ซึ่งช่วยยุติเส้นทางหลักของความทุกข์ทรมานสำหรับสัตว์นับล้านตัวในแต่ละปี การดำเนินการดังกล่าวได้รับการต้อนรับอย่างกว้างขวางจากองค์กรด้านสวัสดิภาพสัตว์และประชาชน

More about