Virgin Holidays ประกาศยุติยกเลิกขายการท่องเที่ยวใช้โลมาเพื่อความบันเทิง
ข่าว
บริษัทท่องเที่ยวขนาดยักษ์ใหญ่จะยุติการขายการท่องเที่ยวชมโลมาเพื่อความบันเทิงภายใน 31 กรกฎาคม 2019 นี้ นับเป็นตัวอย่างที่น่าชื่นชมที่เราหวังว่าบริษัทท่องเที่ยวอื่นๆจะดำเนินรอยตาม
ทำไมแถลงการณ์ครั้งนี้จึงสำคัญ
เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะการถูกกักขังทั้งชีวิตไม่ใช่ชีวิตที่โลมาเหล่านี้ควรได้รับ พวกมันเป็นสัตว์ในธรรมชาติ ไม่ใช่ผู้ให้ความบันเทิง
ในธรรมชาติ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างโลมาจะว่ายน้ำอย่างว่องไวเป็นระยะทางไกลๆ และดำดิ่งลงไปใต้มหาสมุทรเพื่อหาอาหารและมีชีวิตในกลุ่มสังคมขนาดใหญ่ ไม่มีสถานที่ใดในโลกที่สามารถทดเทียมสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติและทำให้สัตว์เหล่านี้มีชีวิตอย่างที่พวกมันควรได้รับได้
ความมุ่งมั่นของ Virgin Holidays’ ทำให้เราเข้าใกล้อนาคตที่มนุษย์สามารถชื่นชมสัตว์ได้ตามธรรมชาติหรือในเขตรักษาพันธุ์สัตว์บริเวณชายฝั่งเท่านั้น เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจครั้งสำคัญในครั้งนี้ หลังจากที่ได้เป็นพันธมิตรร่วมกับ World Cetacean Alliance และเป็นผู้สนับสนุนให้กับ Whale and Dolphin Conservation
อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าพันล้านเหรียญสหรัฐ
เป็นที่น่าเศร้าที่ในปัจจุบันมีโลมาถูกกักขังกว่า 2,000 ตัวทั่วโลก ซึ่งคิดเป็นกว่า 2 ใน 3 ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลสายพันธุ์วาฬและโลมาที่ถูกกักขังทั้งหมด
การใช้โลมาเพื่อความบันเทิงนั้นนับเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าถึงพันล้านเหรียญสหรัฐ จากการเปลี่ยนความทุกข์ทรมานของพวกมันมาเป็นผลกำไรให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ขาย และประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวรูปแบบนี้
อุตสาหกรรมนี้ปิดบังความทุกข์ทรมานของสัตว์ด้วยความลึกลับและข้อมูลที่บิดเบือน :
• สถานที่ท่องเที่ยวชมโลมานั้นประชาสัมพันธ์ตัวเองว่าเป็นสถานที่เพื่อการเรียนรู้ แต่โลมาในสถานที่เหล่านี้กลับไม่มีพฤติกรรมตามธรรมชาติเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่พวกมันอาศัยอยู่นั้นไม่มีความเป็นธรรมชาติอย่างสิ้นเชิง
• จากรายงานการศึกษาฉบับหนึ่งพบว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวชมโลมาน้อยกว่าครึ่งที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการอนุรักษ์สายพันธุ์หรือให้ความรู้แก่โรงเรียนหรือเด็กๆ
• สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งที่อ้างว่าเป็นไปเพื่อการอนุรักษ์ ใช้เงินรายได้เพียง 1% เท่านั้นในโครงการดังกล่าว
กรณีศึกษาถึงการต่อต้านการกักขังสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเล (CAMMIC)
เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เราได้เผยแพร่รายงาน CAMMIC ฉบับล่าสุด ซึ่งมีการให้ละเอียดอย่างชัดเจนว่าทำไมโลมา วาฬ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลไม่ควรถูกบังคับให้อยู่ในที่กักขัง
การสื่อสารอย่างชัดเจน
ดร. Jan-Schmidt Burbach, ที่ปรึกษาด้านสัตว์ป่าโลก องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก กล่าวว่า: “เรารู้สึกตื่นเต้นที่บริษัท Virgin Holidays จะยุติการขายและประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดที่มีการกักขังวาฬและโลมา และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประกาศในครั้งนี้จะเป็นสัญญาณที่ดีในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว”
“เราทราบดีว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ไปท่องเที่ยวชมสัตว์ในช่วงวันหยุดเป็นเพราะพวกเขารักสัตว์ป่า แต่ไม่ได้ระมัดระวังถึงความทุกข์ทรมานที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ด้วยเหตุนี้เราจึงอยากสนับสนุนให้บริษัท Virgin Holidays ยังคงยึดมั่นที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวชมวาฬและโลมาธรรมชาติที่ให้ความสำคัญกับความต้องการของสัตว์เป็นอันดับแรก รวมทั้งการลงทุนเพื่อหาทางออกให้กับวาฬที่ถูกกักขัง เช่น การสนับสนุนเขตรักษาพันธุ์สัตว์บริเวณชายฝั่ง เป็นต้น”
“เราหวังที่จะได้ทำงานร่วมกับบริษัท Virgin Holidays อีกในอนาคต เพื่อสานต่อการพัฒนาแนวทางการรับผิดชอบต่อสัตว์ป่าต่อไป”
สถานการณ์กำลังพลิกกลับ
ในขณะที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลหลายพันตัวกำลังทุกข์ทรมานจากการถูกกักขัง แถลงการณ์ในครั้งนี้ได้ส่องประกายให้เริ่มเห็นความหวัง
เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เราตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ประเทศแคนาดาได้ผ่านกฎหมายการห้ามเลี้ยงโลมา วาฬ และโลมาหัวบาตรหลังเรียบเพื่อความบันเทิง นับเป็นความเคลื่อนไหวระดับโลกในการปฏิบัติกับสัตว์เหล่านี้ให้ดีขึ้น ซึ่งรวมถึงประเทศต่างๆ อย่างประเทศบราซิล โบลิเวีย ชิลี คอสตาริก้า อินเดีย ลักเซมเบิร์ก นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร
ชีวิตทั้งชีวิตที่ต้องอยู่แต่ในที่กักขังนั้นไม่ใช่ธรรมชาติของโลมา เค้าคือสัตว์ป่า เค้าไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักแสดง